สมัยนี้การทำการตลาดให้ปังจะอาศัยเพียงแค่มีโปรโมชั่น และสินค้าดีอย่างเดียวคงไม่พอ ควรสร้าง Brand Loyalty เพื่อทำให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าซ้ำและบอกต่อสินค้าด้วย แต่การจะให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีกเรื่อยๆ หรืออุดหนุนสินค้าอื่นๆ ของแบรนด์ด้วยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งโดยเฉพาะในปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เปรียบเทียบสินค้าและบริการของแต่ละแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว การสร้างจุดแข็งทางธุรกิจ จึงต้องสร้างสิ่งที่เรียกว่า Loyalty Customer คือความจงรักภักดีที่มีต่อแบรนด์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเอาชนะคู่แข่ง และทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน
พอรู้แบบนี้แล้ว เรามาทำความรู้จัก Customer Loyalty คืออะไร มีกี่ประเภท และสำคัญอย่างไรต่อการทำธุรกิจ พร้อมวิธีสร้าง Customer Loyalty ให้ลูกค้าจงรักภักดีต่อแบรนด์ไปตลอดกันเถอะ
Customer Loyalty หรือ ความภักดีของลูกค้า คือ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เกิดจากการที่ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้า หรือการใช้บริการ เช่น คุณภาพของสินค้าดี มีความเอาใส่ใจลูกค้า ให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเอง สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ฯลฯ จนทำให้ลูกค้าเลือกที่จะกลับมาใช้บริการอีก และเมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีซ้ำๆ ก็จะทำให้เกิดความประทับใจ เชื่อใจ และรู้สึกผูกพันกับแบรนด์
กค้ากลุ่มนี้มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูงมาก ทุกครั้งที่ซื้อสินค้าก็จะมุ่งตรงไปที่แบรนด์นี้อย่างเดียว โดยไม่สนใจแบรนด์คู่แข่งเลย หรือต่อให้พบว่าสินค้าของคู่แข่งจะเหนือกว่า มีโปรโมชันดีกว่า พวกเขาก็ยังเลือกแบรนด์โปรดในดวงใจอยู่ดี สิ่งเหล่านี้มักเกิดกับแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ หรือตัวตนที่ชัดเจน เช่น มีนวัตกรรมที่โดดเด่น หรือเทคโนโลยีเฉพาะ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ แบรนด์ Apple ที่ไม่ว่าจะออกผลิตภัณฑ์อะไรมา เหล่าสาวกก็รู้สึกตื่นเต้น และกระตือรือร้นที่จะซื้ออยู่เสมอ พอมือถือเครื่องที่ใช้อยู่พัง ก็ซื้อเครื่องใหม่เป็นแบรนด์เดิมโดยไม่ลังเล
ข้อดีของ Hard-Core Brand Loyalty
ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีแบรนด์โปรดในใจอยู่จำนวนหนึ่ง และหนึ่งในนั้นก็จะมีแบรนด์ที่ชอบมากที่สุดด้วย เวลาเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ จึงมักเลือกแบรนด์ที่ชอบที่สุดเป็นอันดับแรก แต่ถ้าต้องเลือกแบรนด์อื่น ก็จะเลือกแค่ 2-3 แบรนด์ที่ชอบรองลงมา ซึ่งหากแบรนด์สร้างความประทับใจมากๆ ให้โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น คนกลุ่มนี้จะพัฒนาไปเป็นลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์อย่างสุดโต่งได้ไม่ยาก
ข้อดีของ Split Loyal Customers
ลูกค้ากลุ่มนี้เปรียบเสมือนการรวมตัวของลูกค้าแบบ Hard-Core Brand Loyalty และ Split Loyal Customers เพราะแรกเริ่มเดิมทีลูกค้ากลุ่มนี้มักมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งอย่างสุดโต่ง อินมาก ชอบมาก แต่เมื่อมีโอกาสได้ลองซื้อสินค้าหรือใช้บริการของอีกแบรนด์ และได้รับประสบการณ์ที่ดี ก็ทำให้เกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์นี้มากด้วยเช่นกัน ข้อดีคือคนกลุ่มนี้ไม่ได้เปลี่ยนแบรนด์บ่อย แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแบรนด์ได้เสมอเมื่อเจอสิ่งที่ถูกใจ
สำหรับกลุ่มนี้มักเปลี่ยนแบรนด์บ่อยเพราะต้องการประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไหลไปตามรีวิวของเหล่า Influencers ดังนั้น สิ่งที่จะทำให้กลุ่มนี้หันมาจงรักภักดีต่อแบรนด์ได้ คือ การทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจมากที่สุด ยิ่งโดดเด่นมากเท่าไร การเกิด Customer Loyalty ก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น
ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเป็นพิเศษ เพราะชื่นชอบที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น แม้อาหารร้านนี้จะอร่อย สะอาด คุณภาพดี ราคาไม่แพง แต่ลูกค้าก็ยังอยากจะลองชิมอาหารแบบเดียวกันที่ร้านอื่นด้วย หรือเห็นรีวิวร้านไหนว่าดี ก็จะตามไปกินเรื่อยๆ ข้อดีคือแบรนด์สามารถดึงลูกค้ากลุ่มนี้มาได้ไม่ยาก แต่การสร้างความประทับใจแบบทั่วไป อาจจะไม่เพียงพอที่จะมัดใจลูกค้ากลุ่มนี้ให้เกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์ได้ จึงต้องมอบความพิเศษที่เหนือกว่า และทำให้เกิดความพึงพอใจของลูกค้าอย่างสูงสุด
ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำอย่างไม่ลังเล แม้ว่าจะมีตัวเลือกอื่นที่ถูกกว่า หรือคู่แข่งจะเสนอโปรโมชันที่ดีกว่า แต่ลูกค้าก็จะยังคงให้การสนับสนุน รวมถึงบอกต่อคนรอบข้าง เพื่อน ครอบครัว หรือรีวิวเชิงบวกลงในช่องทางต่างๆ ซึ่งจะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และมีภาพลักษณ์ที่ดี น่าเชื่อถือ อีกทั้งลูกค้าเหล่านี้ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าอื่นๆ หรือสินค้าที่ออกใหม่ได้ง่ายขึ้น เพราะมีความเชื่อมั่นในแบรนด์เป็นทุนเดิม ซึ่งต่อไปนี้ คือเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ความภักดีของลูกค้านั้นกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจ
การมี Loyalty Customer หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ลูกค้าประจำ จะช่วยให้การทำธุรกิจง่ายขึ้นมาก เพราะคนกลุ่มนี้พร้อมจะซื้อสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยที่แบรนด์แทบไม่ต้องโฆษณา หรือตั้งโปรโมชันส่งเสริมการขายอะไรมากมาย แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ ก็ต้องหาวิธีเปลี่ยนลูกค้าทั่วไป ให้กลายมาเป็นลูกค้าประจำให้ได้ก่อน ซึ่งอาจจะต้องใช้กลยุทธ์หลายๆ อย่างประกอบกัน ดังนี้
1. รีวิวและสร้างแรงกระตุ้นการซื้อ
รีวิวสินค้า เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะปัจจุบันที่คนนิยมซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น แต่ลูกค้าไม่ได้เห็นหรือสัมผัสกับสินค้าโดยตรง รีวิวจากผู้ใช้จริงจึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้เห็นภาพรวม หรือผลลัพธ์ว่าสินค้าชนิดนี้ดีอย่างไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง Feedback จากลูกค้าคนอื่นๆ มีความพึงพอใจมากน้อยแค่ไหน ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
2. รับฟังความคิดเห็นของลูกค้าและปรับปรุงสินค้าอยู่เสมอ
แม้แต่ลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์อย่างสุดโต่ง ก็อาจเปลี่ยนใจ หรือหายไปได้เหมือนกัน หากสินค้าหรือบริการที่ได้รับทำให้เกิดความผิดหวังอยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการรับฟัง Feedback หรือความคิดเห็นจากลูกค้า และนำไปพัฒนา หรือปรับปรุงสินค้า และบริการให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งการแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์รับฟัง ใส่ใจ และนำไปแก้ไข กลับจะยิ่งทำให้เกิดความประทับใจ และจงรักภักดีต่อแบรนด์มากขึ้นด้วย
3. ให้บริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
การสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์จำเป็นต้องอาศัยเวลา สิ่งที่แบรนด์ทำได้จึงเป็นการให้บริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และเหมือนกันในทุกช่องทาง ไม่ว่าลูกค้าจะติดต่อมาสอบถามผ่านทางโทรศัพท์ ไปซื้อสินค้าที่หน้าร้าน หรือเลือกซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะลูกค้าย่อมคาดหวังบริการที่ดีเหมือนที่เคยได้รับ และคงจะดียิ่งขึ้นหากแบรนด์ตอบสนองได้เกินความคาดหวังนั้นไปอีก
4. เล่นกับจุดแข็งของธุรกิจคุณ
ธุรกิจของคุณทำอะไรได้ดีที่สุด? ข้อเสนอสุดพิเศษของคุณคืออะไร? คุณให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด? ท้ายที่สุดคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางกรอบแบรนด์ได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดลูกค้าประจำ หากต้องการเชื่อมต่อกับผู้ซื้ออย่างแท้จริง คุณต้องซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ของคุณและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุด ยึดมั่นในตลาดของคุณอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคสามารถไว้วางใจในการส่งมอบได้เสมอ “อย่าซ่อมแซมสิ่งที่ไม่เสียหาย” เว้นแต่คุณจะประสบปัญหาในการดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้ อย่าเปลี่ยนข้อเสนอหรือทำให้ไม่มีใครจดจำแบรนด์ได้ แต่จงภักดีต่อธุรกิจของคุณตามที่คุณต้องการให้ลูกค้าเป็น
สตาร์บัคส์ (Starbucks)
สตาร์บัคส์เป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก ด้วยบรรยากาศร้านที่อบอุ่น เครื่องดื่มที่หลากหลาย และบริการที่เป็นมิตร ทำให้สตาร์บัคส์กลายเป็นแบรนด์ของคนรักกาแฟทั่วโลก โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้สตาร์บัคส์ประสบความสำเร็จในการสร้าง Customer Loyalty คือ “Starbucks® Rewards” ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นการมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกที่หลายล้านคนทั่วโลก เช่น สะสมคะแนนเพื่อแลกเครื่องดื่มฟรี รับส่วนลดพิเศษ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ยังให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟให้กับลูกค้า เช่น การเปิดตัวเมนูใหม่ การสร้างบรรยากาศร้านให้สวยน่านั่ง การอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยการเปิดให้สั่งเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน Food Delivery ต่าง ๆ พร้อมการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก
Giftwise Asia
Mandala System
Kasikornbank
CO by U.S. CHAMBER OF COMMERCE